การออกปฎิบัติงานร่วมกับรถฉุกเฉิน American Medical Response (AMR)
ก่อนได้ ride-along ได้มีโอกาสไปดูการทำงานใน dispatch center ของ amr เองโดยมีคนทำงานอยู่เพียงแค่ 3-4 คนระบบคอมพิวเตอร์ดูทันสมัยไม่แพ้ของ fire communication center ผมถามว่าทำไมต้องมี protocol สำหรับให้คำแนะนำผู้ป่วยอยู่ เนื่องจากเข้าใจว่า amr ทำตามคำสั่งของ fire communication center อยู่แล้ว ไม่มีการทำ call-taking โดยตรงกับผู้ป่วยเขาบอกว่า amr เคยมีเบอร์ 7 ตัวสำหรับเรียก ambulance เมื่อ 20-30 ปีก่อน ปัจจุบันหมายเลข 7 ตัวนั้นก็ยังใช้ได้อยู่โดยจะมาเข้าตรงที่ office นี้เพราะบางคนที่อายุมากเคยเรียก ambulance ยังไงเมื่อ 30 ปีก่อนก็ยังเรียกแบบนั้นในปัจจุบันจึงต้องมีไว้เผื่อมีคนโทรมาที่ amr โดยตรงโดยใช้หมายเลข 7 ตัวโดยไม่ผ่านระบบ 911
amr ตามที่ได้บอกว่าเป็น private ambulance ที่บริการพื้นที่หลักคือในเมือง (downtown) มีรถประมาณ 30 unit ใน 1 shift การ ride-along ผมได้เปลี่ยนชุดเป็นยูนิฟอร์มของหน่วยกู้ชีพนเรนทร มีการฮือฮากันพอสมควรเนื่องจากดูแปลกตา (สำหรับเขา) บางคนทักว่าเรามาจากฮ่องกง ระหว่างที่ sign release form อยู่ emt-i praticia คนที่ผมจะ ride-along ด้วยวันนี้บอกว่ามีเหตุให้ออกไปเลยตอนนี้ ผมรีบ sign form และออกไปกับรถ รถเปิดไซเรนไปถึงที่เกิดเหตุห่างออกไปจาก amr office เพียงแค่ 1 ไมล์เท่านั้นการขับรถใช้ความเร็วสูงกว่าปกติเพียงเล็กน้อย ไม่มีการขับรถกระชากอย่างรุนแรง ในที่เกิดเหตุพบ las vegas paramedic อยู่ในที่เกิดเหตุอยู่ก่อนแล้ว ผู้บาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 30 ปีเนื้อตัวสกปรก คาดว่าเป็น homeless มีบาดแผลที่ศีรษะ ได้นั่งอยู่บนฟุตบาทริมถนนในลักษณะช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อย
paramedic ของ amr ลงไปพูดคุยถามว่าเกิดอะไรขึ้น คนเจ็บไม่ตอบ paramedic พยุงคนเจ็บลุกขึ้น โดย paramedic ของ las vegas fire ได้เข้ามาช่วย นำคนเจ็บนอนบนเปลทำการวัดความดัน ให้ iv และปิดแผลที่ศีรษะด้วยผ้าก๊อซ นำส่งโรงพยาบาล county hospital ตลอดทางใช้ความเร็วปกติไม่ใช้ไซเรน ถึงโรงพยาบาล พบคนป่วยที่มากับรถพยาบาลคันอื่นก่อนหน้าเรา 2 คนกำลังรอเตียงว่าง triage nurse เข้ามาจัด priority ว่าใครควรได้เข้าก่อน เคสของเราได้รอเตียงว่างประมาณ 30 นาที (บางครั้งต้องรอเป็นชั่วโมงก็มี) paramedic จัดการ paperwork และทำความสะอาด ambulance ได้มีการสำรวจรถพยาบาล พบว่าเป็นแบบ type 3 ใช้รถ ford e350 เครื่องดีเซล ตัวรถภายนอกสภาพค่อนข้างดูเก่ากว่ารถของ las vegas fire ภายในขาดการทำความสะอาดค่อนข้างรกและวางของไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่อุปกรณ์ทุกอย่างถูกยึดตรึงไว้อย่างแน่นหนาดีทุกชิ้นภายในรถพบ console หน้าเป็นที่วาง siren ของ federal signal ถัดมาด้านล่างเป็น mdt คือตัวที่ใช้รายงาน status โดยเป็นลักษณะกดปุ่ม เช่น ปุ่ม 1 กดเมื่อ responding ปุ่ม 2 กดเมื่อมาถึงที่เกิดเหตเป็นต้น ด้านล่างสุดเป็นวิทยุสื่อสารที่โปรแกรมแชนแนลไว้ล่วงหน้ามีสองเครื่อง ในส่วนของ patient compartment ก็มีวิทยุเช่นกัน เชื่อมต่อกับตัวหน้า ถ้าเปลี่ยนช่องที่ตัวหลัง ตัวหน้าก็จะเปลี่ยนช่องไปด้วย ด้านหลังเป็นพื้นที่ผู้ป่วย spine board สองชิ้นเก็บใต้ที่นั่งยาว sharprs ontainer มีสองจุดเหตุที่สองเป็น homeless ที่นอนป่วยอยู่ข้างถนนใจกลาง downtown เพจเจอร์ของทั้ง paramedic และ emt-i ได้ดังพร้อมกัน เราไปถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับ las vegas fire’s ambulance ที่เปิดไซเรนวิ่งมาจากทางตรงข้าม อีก 20 วิทนาทีรถตำรวจ อีก 1 คันมาจอดดูสังเกตการณ์ด้วย homeless นอนในท่าคว่ำหน้ากึ่งตะแคง ช่วยกันพยุง homeless ขึ้นนั่งบนเก้าอี้หลัง paramedic วัดความดัน สอบถามว่าทำไมถึงมานอนที่นี่ บ้านอยู่ไหน ฯลฯ homeless เริ่มร้องไห้ paramedic and emt-i ช่วยกันปลอบ พรอ้มวัด vital sign วัด blood sugar ได้ 72 นำส่งสถานดูแลคนไร้บ้าน (shelter) เป็นที่พักพิงชั่วคราวของ homeless ที่ไม่มีปัญหา medical emergency ได้งบส่วนใหญ่มาจากการบริจาคระหว่างทีรอเหตุต่อไป เราแวะกินอาหารแม็กซิกันข้างทาง
เหตุที่ 3-4 เป็นการ refer คนป่วยซึ่งน่าจะใช้ bls แต่ไม่มีรถ bls ว่างจึงจำเป็นต้องใช้หน่วยเรา มีการให้ iv กับคนป่วยในเหตุที่ 4 ขณะรถวิ่ง หลังจากเสร็จสิ้นเหตุที่ 4 ได้ไปพักทานอาหารที่ panda express เมื่อสั่งอาหารเสร็จและเริ่มกิน
ยังไม่ทันเริ่มกิน เพจเจอร์ของทั้งสองได้ดังขึ้นโดยเป็นเหตุ mvc ในจุดชานเมืองออกไปเล็กน้อย เราแพ็กอาหารและวิ่งขึ้นรถออกรถได้ภายใน 2 นาที ตลอดทางใช้ไซเรนและใช้ความเร็วสูง แต่เนื่องจากเป็นช่วงเร่งด่วนจึงมีรถติดบ้างเป็นระยะ มีการฝ่าไฟแดง 5 ครั้งและย้อนเลน 2 ครั้งปีนฟุตบาทเกาะกลางอีก 1 ครั้งเพื่อแซงรถที่จอดออกันอยู่ที่ไฟแดง ระหว่างทางรถส่วนใหญ่หลบทางให้โดยจอดชิดขอบทางรวมทั้งเลนรถสวน แต่ได้พบเห็นรถบางคันไม่เปิดทางให้รถพยาบาลเช่นเดียวกับที่ได้พบในเมืองไทย แต่ paramedic ไม่มีการเปลี่ยนเลนเพื่อแซงแต่จะคงอยู่บนเลนซ้าย (เลนเร็วสุด) จนกว่ารถคันหน้าจะเปิดทางให้เอง paramedic ทำไม้ทำมือให้สัญญาณในลักษณะไม่พอใจรถคันหน้า เสียงไซเรนของ federal signal ผ่านลำโพงของ whelen ที่ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าส่งเสียงไซเรนได้พร้อมกัน 2 เสียงที่แตกต่างกัน เช่น เสียงที่หนึ่งเป็น wail เสียงที่สองอาจจะเป็นเสียง yelp, airhorn หรือ pierce ได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อจะฝ่าไฟแดง รถพยาบาลจะจอดสนิทที่ไฟแดงทุกครั้งแล้วจึงค่อยออกตัวไป การฝ่าไฟแดงทุกครั้งจะมีการปรับเสียงไซเรนเป็นเสียงรัว (pierce) นัยว่าได้ผลดีที่สุด สลับกับ airhorn ไปถึงที่เกิดเหตุเป็นอุบัติเหตุรถปิคอัพกับรถเก๋ง
รถเก๋งซึ่งมีคนนั่ง 2 คนด้านหน้าได้ขับฝ่าสัญญาณ stop sign เนื่องจากมองไม่เห็น รถเก๋ง airbag ทำงานทั้งฝั่งคนขับ และฝั่งผู้โดยสารจุดปะทะอยู่ด้านขวาเยื้องไปยังด้านข้างรถฝั่งผู้โดยสาร เมื่อไปถึง clark county’s fire ไปถึงอยู่ก่อนแล้วใส่ collar คนเจ็บทั้งสองคนในรถ paramedic รีบลงไปตรวจสอบอาการเบื้องต้น เราเป็น ambulance ชุดแรกที่ไปถึง ส่วน emt-i ง่วนอยู่กับการเตรียม iv ในรถเพียงอย่างเดียว ไปถึงไม่เกิน 5 นาทีได้มีการนำคนเจ็บที่เป็นคนขับรถคันที่ก่อเหตุออกมาบน backboard และขึ้นรถพยาบาล คนเจ็บ alert ไม่หมดสติไม่พบบาดแผลที่ศีรษะ พบเพียงบาดแผลถลอกที่ข้อศอกขวาเท่านั้น การตรวจร่างกาย secondary survey ไม่พบสิ่งผิดปกติ ในช่วงนี้ clark firefighter ได้เข้ามาพูดคุยกับ paramedic เพราะคาดว่า ambulance ของ clark county คงจะมาถึงล่าช้าไปอีก 10 นาที จึงขอให้พวกเรา transport สองคน โดยคนแรกให้ยก backboard มาวางที่ที่นั่งยาว ส่วน คนเจ็บอีกคนเป็นคนเจ็บที่อยู่ฝั่งผู้โดยสาร ให้มาอยู่บน stretcher แทน
คนเจ็บคนที่สองอายุประมาณ 20 มีการให้ iv ให้ oxygen ผ่าน mask 15 litre per min ตัดเสื้อผ้าออกทั้งตัวบนรถเพื่อ visual survey การ immobilize ใช้ collar , head immobilizer และ backaord ทั้งสองคน แต่ดูเหมือนการรัดตัวคนเจ็บให้ยึดติดกับบอร์ดดูเหมือนยังไม่แน่นเท่าที่ควร
clark firefighter ที่เป็น paramedic ได้ขึ้นรถมาด้วย 1 คน ตำรวจเริ่มทยอยมาถึง เริ่มปิดกั้นที่เกิดเหตุและเริ่มวาง flare โดยรอบ ส่วน firefigher ที่เหลือให้การดูแลคนเจ็บในรถปิคอัพ และรอ clark ambulance มา transport นำคนเจ็บเดินทางส่ง trauma center ในเมืองซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุพอสมควร (อุบัติเหตุบนถนนจะนำส่ง trauma center เท่านั้น ถ้าเกิดเหตุไกลจะใช้ mercy air ซึ่งเป็นคอปเตอร์ของโรงพยาบาล) ระหว่างทางใช้ไซเรนโดยตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งเสียงไซเรนขาดหายไป emt-i ไม่พอใจ ผมแนะนำให้ปิดทุกอย่างดูซัก 5 วินาทีแล้วเปิดใหม่ปรากฎว่าไซเรนใช้ได้อีกครั้ง การเดินทางผ่านฟรีเวย์ การจราจรติดขัดมาก รถพยาบาลอยู่เลนฉุกเฉิน (ไหล่ทาง) ด้านซ้ายสุดตลอด รถบางคันพยายามหลบให้แต่บางคันวางเฉย emt-i ขับรถไม่เร็วไม่กระชาก นัยว่าไม่ให้กระทบกระเทือนคนเจ็บ ไปถึง trauma center นำคนเจ็บส่งรายงานเหตุ และทำ paperwork จนเสร็จ เสร็จสิ้นภารกิจกลับฐาน ผมกล่าวขอบคุณ emt-i และ paramedic รวมทั้งขอบคุณ supervisor ที่ทำให้ผมได้มีโอกาส ride-along ได้ให้ patch นเรนทรแก่ emt-i และ paramedic เพื่อเป็นที่ระลึก กล่าวอำลาและแลกเบอร์โทรศ้พท์อีเมล์และที่อยู่และเดินทางกลับ san diego เป็นประสบกาณ์ที่ดีที่สุดประสบการณ์หนึ่งตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
ขอขอบคุณบทความจาก
ems.fire2rescue.com